บทความกีฬาเบื้องต้นเกี่ยวกับกีฬาว่ายน้ำ (Swimming)
กีฬาว่ายน้ำเป็นอีกหนึ่งชนิดกีฬาที่ถูกบรรจุไว้ในการแข่งขันกีฬาระดับโลกอย่างโอลิมปิก ซึ่งถือว่าเป็นกีฬาที่พัฒนามาจากพื้นฐานการดำรงชีวิตของมนุษย์เช่นเดียวกับกรีฑาประเภทลู่และลานที่มีพื้นฐานมาจากการเดินและการวิ่ง ส่วนการแข่งขันว่ายน้ำนั้นมาจากการเอาตัวรอดของมนุษย์ ในยุคเริ่มแรกของมนุษย์นั้นการว่ายน้ำก็เป็นเพื่อการข้ามไปยังอีกฝั่งของแม่น้ำลำคลองเพื่อไปสู่ดินแดนแห่งใหม่ แต่ต่อมาการว่ายน้ำของมนุษย์ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเอาตัวรอด แต่เป็นการดำรงชีวิตเช่นการหาปลาและกลายมาเป็นการว่ายน้ำเพื่อการสันทนาการ จนในที่สุดก็เป็นกีฬาที่มีความนิยมอย่างสูงนั่นเอง ซึ่งไม่ว่าใครว่ายน้ำเป็นก็เล่นกีฬาชนิดนี้ได้ทั้งนั้น แต่เมื่อมนุษย์นำพื้นฐานการดำรงชีวิตมาประยุกต์เป็นการแข่งขันจึงจำเป็นต้องมีกติกาการแข่งขันมาเป็นตัวกำหนด มาดูกันครับว่ากีฬาว่าน้ำมีกฎกติกาและประเภทของการแข่งขันอะไรกันบ้าง
การแข่งขันว่ายน้ำตัดสินกันด้วยความเร็วในการว่ายน้ำในสระที่มีความยาวมาตรฐาน 50 เมตร โดยแบ่งเป็นลู่ทั้งหมด 8 ลู่ ปล่อยตัวพร้อมกัน ผู้ที่ว่ายได้ครบระยะทางและแตะถึงขอบสระก่อนเป็นผู้ชนะ ในการแข่งขันสากลจะมีผู้ตัดสินและคณะกรรมการอยู่หลายตำแหน่ง แต่ละตำแหน่งก็จะทำหน้าที่ต่างกัน ผมจะอธิบายพอเข้าใจนะครับ
คนแรกเป็นผู้ตัดสินชี้ขาด
SBO เป็นผู้ควบคุมการแข่งขันทั้งหมดและมีอำนาจสูงสุด ซึ่งจะมอบหมายหน้าที่และให้คำปรึกษากับกรรมการในตำแหน่งต่างๆ
ผู้รับรายงานตัว 2 คน จะคอยทำหน้าที่รับรายงานตัวจากผู้เข้าแข่งขันโดยการตรวจสอบเอกสารและให้ผู้เข้าแข่งขันเข้ามาลงชื่อก่อนที่การแข่งขันจะเริ่มขึ้น
ผู้ปล่อยตัวถือว่าเป็นผู้ดำเนินการแข่งขัน มีอยู่สองท่านอยู่ห่างจากสระ 5 เมตร จะปล่อยตัวได้เมื่อได้รับสัญญาณจากผู้ตัดสินชี้ขาดเท่านั้น โดยใช้เสียงออดเป็นสัญญาณในการปล่อยตัว
คณะกรรมการดูการฟาวล์ คอยจับการทำผิดกติกาทั้งการปล่อยตัว การกลับตัวและการเข้าเส้นชัย จะต้องบันทึกการทำผิดกฎและรายงานต่อผู้ตัดสินชี้ขาด กรรมการดูฟาวล์จะมีอยู่ 4 คนและกรรมการเชือกฟาวล์อีก 1 คน
คณะกรรมการกลับตัว จะมีหัวหน้ากรรมการดูการกลับตัว 2 คน อยู่กันคนละด้านของสระ มีหน้าที่ตรวจสอบการทำหน้าที่ของกรรมการกลับตัวที่จัดไว้ประจำลู่ทั้งหัวสระและท้ายสระในการแข่งขันประเภทที่มีระยะทางเกินกว่าความยาวสระ ซึ่งกรรมการกลับตัวนั้นจะมีหน้าที่ดูแลและเตือนนักว่ายน้ำในลู่ที่ตนประจำอยู่เมื่อนักว่ายน้ำเข้ามาในระยะ 5 เมตรก่อนถึงขอบสระ
คณะกรรมการเส้นชัย จะมีหัวหน้ากรรมการเส้นชัย 1 คน คอยรับรายงานการเข้าเส้นชัยจากกรรมการเส้นชัยในแต่ละตำแหน่งที่จัดไว้ แล้วรวบรวมจัดอันดับผู้ชนะรายงานผลให้ผู้ตัดสินชี้ขาดอีกต่อหนึ่ง รวมทั้งบันทึกผลการแข่งขันเมื่อการแข่งขันสิ้นสุดลงด้วย
หากสระว่ายน้ำที่ใช้แข่งขันไม่มีเครื่องจับเวลาอัตโนมัติ ก็จะต้องจัดคณะกรรมการจับเวลาขึ้นมาอีกหนึ่งชุด ประกอบด้วย หัวหน้าผู้จับเวลา 1 คน และผู้จับเวลาอีกลู่ละ 3 คน โดยเริ่มจับเวลาพร้อมกันเมื่อสัญญาณปล่อยตัวดังขึ้นและหยุดเวลาเมื่อนักว่ายน้ำในลู่ของตนสิ้นสุดการว่ายลง การจับเวลาจะใช้จุดทศนิยม 2 ตำแหน่ง
การจัดนักกีฬาเข้าลู่ ใช้วิธีให้นักกีฬาแจ้งเวลาในการว่ายที่ดีที่สุดของตนที่ทำได้ไม่เกิน 12 เดือนไว้ในใบสมัคร ถ้าไม่แจ้งให้อยู่ลำดับสุดท้าย และถ้าไม่แจ้งหลายคนให้จัดลำดับโดยการจับฉลากเรียงลำดับเฉพาะผู้ที่ไม่แจ้งเวลาแล้วนำมาต่อท้ายอีกที
กรณีที่มีผู้สมัครแข่งขันเกินกว่าจำนวนลู่ให้แบ่งเป็นชุด หากแบ่งได้ 2 ชุด ผู้ที่แจ้งเวลาดีที่สุดจะเป็นคนแรกของชุดที่ 2 ส่วนคนที่แจ้งเวลาดีลำดับที่ 2 จะเป็นคนแรกของชุดที่ 1 และคนที่แจ้งเวลาดีที่สุดลำดับ 3 จะเป็นคนที่ 2 ของชุดที่ 2 ส่วนคนที่มีเวลาเร็วเป็นลำดับที่ 4 จะเป็นคนที่ 2 ของชุดแรก สลับกันไปเรื่อย ๆ หากจัดผู้เข้าแข่งขันได้มากกว่า 2 ชุดก็ให้จัดลำดับเข้าลู่เช่นเดียวกัน ซึ่งผู้มีเวลาดีที่สุดของแต่ละชุดจะได้อยู่ในลู่กลางส่วนลำดับรองลงไปก็จะอยู่สลับลู่ซ้ายขวาไปเรื่อย ๆ
ผู้ที่แจ้งเวลาดีที่สุดจากจำนวนผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดจะได้ลงแข่งรอบคัดเลือกในชุดสุดท้ายซึ่งถือว่าได้เปรียบที่สุดเพราะจะรู้เวลาของคู่ต่อสู้ที่ทำได้ในการว่ายในชุดก่อนหน้าทั้งหมด
การแข่งขันจะมีอยู่ด้วยกันหลายประเภทและหลายระยะ ซึ่งไม่เหมือนกีฬาฟุตบอลเลย มีดังต่อไปนี้
1. ประเภทเดี่ยว
1.1 ท่าฟรีสไตล์ ระยะ 50, 100, 200, 400, 800 และ 1,500 เมตร
1.2 ท่ากรรเชียง ระยะ 100 และ 200 เมตร
1.3 ท่ากบ ระยะ 100 และ 200 เมตร
1.4 ท่าผีเสื้อ ระยะ 100 และ 200 เมตร
1.5 เดี่ยวผสม 200 และ 400 เมตร ว่ายคนเดียวแต่ใช้ทั้ง 4 ท่า เริ่มจาก ผีเสื้อ, กรรเชียง, กบ, และแตะขอบสระเข้าเส้นชัยด้วยท่าฟรีสไตล์
2. ประเภททีม 4 คน
2.1 ผลัดฟรีสไตล์ 4 x 100 และ 4 x 200 เมตร ใช้นักว่ายน้ำทีมละ 4 คน ว่ายท่าฟรีสไตล์เพียงท่าเดียว
2.2 ผลัดผสม 4 x 100 เมตร ใช้นักว่ายน้ำทีมละ 4 คน ว่ายคนละท่า เริ่มจาก กรรเชียง, กบ, ผีเสื้อ และฟรีสไตล์ ตามลำดับ
การปล่อยตัวจากจุดเริ่มต้นจะแต่ต่างกันในแต่ละประเภทของการแข่งขัน เช่น ฟรีสไตล์ , กบ และผีเสื้อ จะต้องเริ่มปล่อยตัวบนแท่นเหนือขอบสระด้วยการกระโดดพุ่งตัวออกลงไปในน้ำ ส่วนท่ากรรเชียให้ปล่อยตัวจากในน้ำด้วยการถีบตัวหงายออกไปจากขอบสระ
ท่าว่ายน้ำที่ใช้ในการแข่งขัน จะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 4 ท่า
1. ท่าฟรีสไตล์ เป็นการว่ายด้วยท่าใดก็ได้ที่ทำเวลาได้ดีที่สุด เว้นการแข่งขันประเภทเดี่ยวผสม ท่าฟรีสไตล์จะใช้ท่ากรรเชียง , กบ หรือผีเสื้อไม่ได้ การกลับตัวจะใช้ส่วนใดของร่างกายแตะขอบสระก็ได้
2. ท่ากรรเชียง จะต้องปล่อยตัวในลักษณะนอนหงายในน้ำและอยู่ในท่านอนหงายลำตัวพ้นน้ำตลอดระยะทางจนถึงเส้นชัย ยกเว้นตอนกลับตัวให้จมอยู่ในน้ำได้ ไม่เกิน 15 เมตร
3. ท่ากบ ลำตัวจะต้องคว่ำตลอดเวลา แขน 2 ข้างจะต้องเคลื่อนไหวพร้อมกัน โดยมือจะต้องตวัดไปข้างหน้า การกลับตัวและเข้าเส้นชัยจะต้องใช้มือทั้งสองแตะขอบสระพร้อม ๆ กัน
4. ท่าผีเสื้อ จะต้องคว่ำหน้าตลอดระยะทางรวมทั้งการกลับตัวด้วย สามารถดึงแขนใต้น้ำได้เพียง 1 ครั้งต่อ 1 จังหวะเท่านั้น
กีฬาว่ายน้ำถือว่าเป็นกีฬาที่มีกฎกติกาที่ค่อนข้างละเอียดมาก ผู้ที่สนใจกีฬาชนิดนี้และอยากเป็นนักกีฬาว่ายน้ำควรที่จะต้องศึกษากฎกติกามารยาทให้ถี่ถ้วน เพราะการทำผิดกติกาเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้ถูกตัดสิทธิ์จากการแข่งขันได้ในทันทีเลยนะครับ
แหล่งที่มา http://ctheritagefoundation.org/