วันอังคารที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2558

บทความเรื่องบาสเกตบอล

    บาสเกตบอล basketball
บาสเกตบอลเป็นกีฬาชนิดหนึ่งซึ่งแบ่งผู้เล่นเป็น ทีม แต่ละทีมประกอบด้วยผู้เล่น คนพยายามทำคะแนนโดยการโยนลูกเข้าห่วงหรือตะกร้า (basket) ภายใต้กติกาการเล่นมาตรฐาน
ตั้งแต่ที่คิดค้นขึ้นในปี พ.ศ. 2434 (ค.ศ. 1891) โดยเจมส์ เนสมิท บาสเกตบอลได้ถูกพัฒนาขึ้นเป็ นกีฬาสากล กีฬานี้มีจุดเริ่มต้นจากในวายเอ็มซีเอลีกที่เกิดขึ้นในสมัยแรก ๆ เป็นระดับมหาวิทยาลัย ต่อมากลายเป็นกีฬาอาชีพมีการจัดตั้งลีกเอ็นบีเอ (National Basketball Association, NBA) และเริ่มมีการแข่งขันในกีฬาโอลิมปิกเมื่อ พ.ศ. 2479 (ค.ศ. 1936) ถึงแม้ว่าในระยะแรกยังเป็นกีฬาที่เล่นเฉพาะในสหรัฐอเมริกา กีฬาชนิดนี้แพร่ขยายไปสู่ระดับสากลด้วยความรวดเร็ว ปัจจุบันมีนักกีฬาและทีมที่มีชื่อเสียงตามที่ต่าง ๆ ทั่วโลก
บาสเกตบอลเป็นกีฬาที่เล่นในร่มเป็นหลัก สนามที่ใช้เล่นมีขนาดค่อนข้างเล็ก คะแนนจะได้จากการโยนลูกเข้าห่วงจากด้านบน (ชู้ต, shoot) ทีมที่มีคะแนนมากกว่าในตอนจบเกมจะเป็นฝ่ายชนะ สามารถนำพาลูกโดยการกระเด้งกับพื้น (เลี้ยงลูก, dribble) หรือส่งลูกกันระหว่างเพื่อนร่วมทีม เกมจะห้ามการกระทบกระแทกที่ทำให้เป็นฝ่ายได้เปรียบ (ฟาวล์, foul) และมีกฎข้อบังคับเกี่ยวกับการครองบอล
เกมบาสเกตบอลมีการพัฒนาเทคนิคการเล่นต่าง ๆ เช่น การชู้ต การส่ง และ การเลี้ยงลูก รวมไปถึงตำแหน่งผู้เล่น (ซึ่งตามกฎแล้วไม่จำเป็นต้องมี) และตำแหน่งการยืนในเกมรุกและเกมรับ ผู้เล่นที่ตัวสูงถือเป็นข้อได้เปรียบ ถึงแม้ว่าในการเล่นแข่งขันจะควบคุมโดยกฎกติกา การเล่นรูปแบบอื่น ๆ สำหรับเล่นผ่อนคลายก็มีการคิดขึ้น บาสเกตบอลยังเป็นกีฬาที่คนนิยมดูอีกด้วย

เครื่องแบบนักกีฬาสำหรับทีมชายและหญิงตามมาตรฐานได้แก่ กางเกงขาสั้นและเสื้อกล้ามที่มีหมายเลขผู้เล่นชัดเจนพิมพ์ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง รองเท้าเป็นรองเท้ากีฬาหุ้มข้อเท้า อาจมีชื่อทีม ชื่อนักกีฬา และสปอนเซอร์ ปรากฏบนชุดด้วยก็ได้
แต่ละทีมจะได้เวลานอกจำนวนหนึ่งสำหรับให้โค้ชและผู้เล่นปรึกษากัน มักยาวไม่เกินหนึ่งนาที ยกเว้นเมื่อต้องการโฆษณาระหว่างการถ่ายทอดสด

เกมควบคุมโดยกรรมการและหัวหน้ากรรมการผู้ตัดสินในสนาม และกรรมการโต๊ะ กรรมการโต๊ะมีหน้าที่บันทึกคะแนน ควบคุมเวลา บันทึกจำนวนฟาล์วผู้เล่นและฟาล์วทีม ดูเรื่องการเปลี่ยนตัว โพเซสซันแอร์โรว์ และช็อตคล็อก
แหล่งที่มา http://alongkorn325.blogspot.com/2013/03/blog-post.html

บทความเรื่องฟุตบอล

                              ฟุตบอล(Football) 
เป็นกีฬาที่มีผู้สนใจที่จะชมการแข่งขันและเข้าร่วมเล่น
มากที่สุดในโลก
 ชนชาติใดเป็นผู้กำเนิดกีฬาชนิดนี้อย่างแท้จริงนั้นไม่อาจจะยืนยันได้แน่นอน
เพราะแต่ละชนชาติต่างยืนยันว่าเกิดจากประเทศของตน แต่ในประเทศฝรั่งเศสและประเทศอิตาลี 
ได้มีการละเล่นชนิดหนึ่งที่เรียกว่า "ซูเลอ" (Soule) หรือจิโอโค เดล คาซิโอ (Gioco Del Calcio) 
มีลักษณะการเล่นที่คล้ายคลึงกับกีฬาฟุตบอลในปัจจุบัน
 ทั้งสองประเทศอาจจะถกเถียงกันว่า
กีฬาฟุตบอลถือกำเนิดจากประเทศของตน
 อันเป็นการหาข้อยุติไม่ได้ เพราะขาดหลักฐานยืนยันอย่างแท้จริง 
ดังนั้น ประวัติของกีฬาฟุตบอลที่มีหลักฐานที่แท้จริงสามารถจะอ้างอิงได้ เพราะการเล่นที่มา
กติการการแข่งขันที่แน่นอน
 คือประเทศอังกฤษเพราะประเทศอังกฤษตั้งสมาคมฟุตบอล
ในปี พ.ศ. 2406 และฟุตบอลอาชีพของอังกฤษเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2431
วิวัฒนาการด้านฟุตบอลจะเป็นไปพร้อมกับความเจริญก้าวหน้าของมนุษย์ตลอดมา ต้นกำเนิดกีฬาตะวันออกไกลจะได้รับอิทธิพลมาจากสงครามครั้งสำคัญๆ เช่นสงครามพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช ได้นำเอา "แกลโล-โรมัน" (Gello-Roman) 
พร้อมกีฬาต่างๆ เข้ามาสู่เมืองกอล (Gaulอันเป็นรากฐานส่วนหนึ่งของกีฬาฟุตบอลในอนาคต 
และการเล่นฮาร์ปาสตัม (Harpastum) ได้ถูกดัดแปลงมาเป็นกีฬาซูเลอ
วิวัฒนาการของฟุตบอล
ภาคตะวันออกไกล
ขงจื้อได้กล่าวไว้ในหนังสือ "กังฟู" เกี่ยวกับกีฬา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกีฬาที่ใช้เท้า
และศีรษะในสมัยจักรพรรดิ์ เซิงติ (Emperor Cneng Ti) (ปี 32 ก่อนคริสตกาล) 
มีการเล่นกีฬาที่คล้ายกับฟุตบอลซึ่งเรียกว่า"ซือ-ซู" (Tsu-Chu) ซึ่งหมายถึงการเตะลูกหนังด้วยเท้า 
กีฬาชนิดนี้ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง ซึ่งนักประพันธ์และนักประวัติศาสตร์ในสมัยนั้นได้ยกย่อง
ผู้เล่นที่มีชื่อเสียงให้เป็นวีรบุรุษของชาติ และในสมัยเดียวกันได้มีการเล่นคล้ายฟุตบอลใน
ประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย
ภาคตะวันออกกลาง
ในกรุงโรม ความเจริญของตะวันออกไกลได้แผ่ขยายถึงตะวันออกกลางโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากอิทธิพลของสงคราม
โดยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช การเล่นกีฬาชนิดหนึ่งเรียกว่า ฮาร์ปาสตัม เป็นกีฬาที่นิยมของชาวโรมัน
และชาวกรีกโบราณวิธีการเล่นคือ มีประตูคนละข้าง แล้วเตะลูกบอลไปยังจุดหมายที่ต้องการ เช่น 
จากหมู่บ้านหนึ่งไปอีกหมู่บ้านหนึ่ง การเล่นจะเป็นการเตะ หรือการขว้างไปข้างหน้าฮาร์ปาสตัม 
หมายถึงการเหวี่ยงไปข้างหน้า การเล่นกีฬาฮาร์ปาสตัมในกรุงโรมดูเหมือนจะเป็นต้นกำเนิด
ของกีฬาซึ่งมีการเล่นในสมัยกลาง
ในการเล่นฮาร์ปาสตัม ขนาดของสนามจะเล็กกว่าสนามกีฬาซูเลอ แต่จุดประสงค์ของกีฬาทั้งสอง
คือ การนำลูกบอล ไปยังแดนของตน แต่เนื่องจากมีเสียงอึกทึกโครมครามจากการวิ่งแย่งลูกบอล 
ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้มากมาย อันเป็นข้อห้ามของพระเจ้า จึงมีพระบรมราชโองการในนาม
ของพระเจ้าแผ่นดินห้ามเล่นกีฬาดังกล่าวในเมือง ผู้ฝ่าฝืนมีโทษถึงจำคุก นอกจากนี้ยังมีข้อห้าม
ซึ่งออกในวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ.1892 ขอให้เล่นยิงธนูในวันฉลองต่าง ๆ แทนการเล่นเกมฟุตบอล
ในโอกาสต่อมากีฬาฟุตบอลได้จัดให้มีการแข่งขันกันอีกครั้ง ซึ่งเป็นการเผชิญหน้ากันระหว่างทีมต่างๆ 
ที่อยู่ห่างกันประมาณ 3-4 ไมล์ ( 5-6.5 กิโลเมตร- )
ในปี พ.ศ. 2344 กีฬาชนิดนี้ได้ขัดเกลาให้ดีขึ้น มีการกำหนดจำนวนผู้เล่นให้เท่ากันในแต่ละข้าง 
ขนาดของสนามอยู่ในระหว่าง 80 - 100 หลา (73-91 เมตร) และมีประตูทั้งสองข้างที่ริมสุดของสนาม
ซึ่งทำด้วยไม้ อัน ห่างกัน 2-3 ฟุต
ในปี พ.ศ. 2366 ได้จัดให้มีการเล่นฟุตบอลในรูปแบบของการเล่นใน ปัจจุบัน William Alice 
คือผู้เริ่มวางกฎบังคับต่างๆ สำหรับกีฬาฟุตบอลและรักบี้ ในปี พ.ศ. 2393 ได้มีการออกระเบียบ
และกฎของการเล่นไปสู่ ดินแดนต่างๆ ให้ปฏิบัติตาม โดยจำกัดจำนวนผู้เล่นให้มีข้างละ 15-20คน
ในปี พ.ศ. 2413 มีการกำหนดผู้เล่นให้เหลือข้างละ 11 คน โดยมีผู้เล่นกองหน้า คน และผู้เล่น
รักษาประตู คน โดยผู้รักษาประตูใช้เท้าเล่นเหมือน คนแรกจนกระทั่งให้เหลือผู้รักษาประตู คน 
แต่อนุญาตให้ใช้มือจับลูกบอลได้ในปี พ.ศ. 2423
ในปี พ.ศ. 2400 สโมสรฟุตบอลได้ก่อตั้งเป็นครั้งแรกที่เมืองเซนพัสด์ประเทศอังกฤษ และต่อมาในวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2406 สโมสรฟุตบอล 11 แห่งได้มารวมกันที่กรุงลอนดอน
เพื่อก่อตั้งสมาคมฟุตบอลขึ้น ซึ่งถือเป็นรากฐานในการกำเนิดสมาคมแห่งชาติ จนถึง 140สมาคม และทำให้ผู้เล่นฟุตบอลต้องเล่นตามกฎและกติกาของสมาคมฟุตบอล จนเวลาผ่านไปจากคำว่า
Association ก็ย่อเป็น Assoc และกลายเป็น Soccer ขึ้นในที่สุด ซึ่งนิยมเรียกกันในประเทศอังกฤษ 
แต่ชาวอเมริกันเรียกว่า Football หมายถึง American football
ภายนอกเกาะอังกฤษ พวกกะลาสีเรือ ทหาร พ่อค้า วิศวกร หรือแม้แต่นักบวชได้นำกีฬาชนิดนี้
ไปเผยแพร่ ประเทศเดนมาร์กเป็นประเทศที่ ในยุโรป
ในอเมริกาใต้ สโมสรแรกได้ถูกตั้งขึ้นในประเทศอาร์เจนตินา เมื่อพี่น้องชาวอังกฤษ คน ได้ลงข้อความโฆษณาในหนังสือพิมพ์ของเมืองบูเอโนสไอเรส (Buenos Airesเพื่อ หาผู้อาสาสมัคร 
ในปี พ.ศ. 2427 กีฬาฟุตบอลก็กลายมาเป็นวิชาหนึ่งในโรงเรียนของเมืองบูเอโนสไอเรส 
การแข่งขันระดับชาติครั้งแรกในทวีปอเมริกาใต้ คือ การแข่งขันระหว่างอาร์เจนตินากับอุรุกวัย 
ในปี พ.ศ.2448 แต่อเมริกาเหนือเริ่มแข่งขันเมื่อปี พ.ศ. 2435
ในอิตาลี ฮาร์ปาสตัมเป็นต้นกำเนิดจิโอโค เดล คาลซิโอ ผู้เล่นกีฬาจะเป็นผู้นำทางสังคม
หรือแม้แต่ผู้นำชั้นสูงของศาสนา เช่นสันตปาปา เกลาเมนต์ที่ 7 ลีออนที่ 10 และเออร์เบนที่ 7
เป็นถึงแชมเปี้ยนในกีฬาฟลอเรนไทน์ฟุตบอล ต่อมาชาวโรมันได้ดัดแปลงเกมการเล่นฮาร์ปาสตัมเสียใหม่ 
โดยกำหนดให้ใช้เท้าแตะลูกบอลเท่านั้น ส่วนมือให้ใช้เฉพาะการทุ่มลูกบอล ซึ่งนักรบชาวโรมัน นิยมเล่นกันมาก
กีฬาฮาร์ปาสตัมซึ่งมีต้นกำเนิดจากสมัยโรมันได้ถูกแปลงมาเป็นกีฬาซูลอหรือซูเลอ 
กีฬาชนิดนี้เหมือนกับฮาร์ปาสตัม คือ นำลูกบอลกลับไปยังแดนของตน แต่สนามมีขนาดกว้างกว่ามาก
การเล่นซูเลอมักจะมีขึ้นในบ่ายวันอาทิตย์หลังการสวดมนต์เย็น จะมีการแข่งขันสำคัญในช่วงเวลาดีคาร์นิวาลกีฬาชนิดนี้เป็นที่นิยมมากในเขตปริตานีและมอร์ลังดี กีฬานี้ได้ถูกเผยแพร่ไปยังอังกฤษโดยผู้ติดตาม
ของวิลเลี่ยมผู้พิชิตภายหลัง การรบที่เฮสติ้ง (Hasting)
เมื่อ 900 ปีกว่ามาแล้ว ประเทศอังกฤษได้ตกอยู่ในความปกครองของพวกเคนส์ เชื้อสายโรมัน 
ซึ่งยกกองทัพมาตีหมู่เกาะอังกฤษตอนใต้ และได้ปกครองเรื่อยมาจนถึงปี พ.ศ. 1589 อังกฤษเริ่มเข้มแข็งขึ้น และสามารถขับไล่พวกเคนส์ออกจากประเทศได้ หลังจากนั้น 2-3 ปี อังกฤษจึงเริ่มปรับปรุงประเทศเป็นการใหญ่
มีการขุดอุโมงค์ตามพื้นที่หลายแห่ง ซึ่งในการขุดอุโมงค์คนงานคนหนึ่งได้ขุดไปพบกะโหลกศีรษะใน
บริเวณที่เคยเป็นสนามรบ และเป็นที่ฝังศพของพวกเคนส์มาก่อนทุกคนในที่นั้นแน่ใจว่าเป็นกะโหลกศีรษะ
ของพวกเคนส์ อารมณ์แค้นจึงเกิดขึ้นทันทีเมื่อต่างคนต่างคิดถึงเหตุการณ์ที่ถูกพวกเคนส์กดขี่ทารุณจิตใจ
คนอังกฤษในสมัยนั้นด้วยเหตุผลนี้ คนงานคนหนึ่งจึงเตะกะโหลกศีรษะนั้นทันที ส่วนคนอื่นๆ ที่อยู่ในบริเวณนั้นก็พากันหยุดงานชั่วคราว แล้วหันมาเตะกะโหลกศีรษะเป็นการใหญ่ เพื่อระบายอารมณ์แค้นที่เก็บไว้อย่างสนุกสนาน ผลที่สุดเมื่อพวกนี้หากะโหลกศีรษะเตะกันไม่ได้ก็เอาถุงลมของวัวมาทำเป็นลูกกลมขึ้นเตะแทนกะโหลกศีรษะ 
ปรากฏว่าเป็นที่รื่นเริงสนุกสนามกันมาก
ต่อมาชาวโรมันได้นำเกมนี้ไปเล่นในอังกฤษ จากนั้นชาวอังกฤษก็ได้ปรับปรุงวิธีการเล่น
เทคนิคการเล่น ตลอดจนกติกาให้เหมือนในสมัยปัจจุบัน คือเกมฟุตบอลที่ใช้เท้าเล่น
แต่ในระยะแรกของการเล่นฟุตบอลจะเล่นกันเป็นกลุ่มๆ เฉพาะพวกคนธรรมดาเท่านั้น 
ไม่มีการจำกัดจำนวนผู้เล่น ประตูจะห่างกันเป็นไมล์ และใช้เวลาในการเล่นหลายชั่วโมง
 
จะเป็นการเล่นระหว่างทหารใหม่ที่ถูกเกณฑ์ นักบวช คนที่แต่งงานแล้ว คนโสด และพวกพ่อค้า 
เกมชนิดได้กลายเป็นสิ่งฉลองในงานพิธีต่างๆ เช่น ในวันโชรพ ทิวส์เดย์ (Shrove Tuesday) 
จะมีฟุตบอลนัดสำคัญให้คนได้ชม เกมในสมัยนั้นจะเล่นกันอย่างรุนแรงและมีการบาดเจ็บกันมาก
ในวันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 1857 พระเจ้าเอ๊ดเวิร์ดที่ ได้ทรงออกพระราชกฤษฎีกา 
เนื่องจากมีเสียงอึกทึกครึกโครมจาการวิ่งแย่งลูกบอล ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุมากมาย 
อันเป็นข้อห้ามของพระเจ้า โดยห้ามเล่นกีฬาดังกล่าว ผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษจำคุก
ฟุตบอลได้เริ่มแข่งขันภายใต้กฎของสมาคมแห่งชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2412
ระหว่างทีมรัตเกอร์กับทีมบรินท์ตัน
 จากนั้นกิจการฟุตบอลได้เจริญขึ้นช้าๆ
ในต่างจังหวัดจนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่ ได้มีการตั้ง
สมาคมฟุตบอลต่างจังหวัดขึ้นในปี พ.ศ. 2450 และมีการฝึกสอนในปี พ.ศ. 2484
ในทวีปเอเชีย อินเดียเป็นประเทศแรกที่เริ่มเล่นฟุตบอล ศาสตราจารย์จากวิทยาลัยกัลกัตตา
เป็นผู้นำสำเนากฎหมายการเล่นมาเผยแพร่ในปี พ.ศ. 2426 และในปี พ.ศ. 2435 
ได้มีการแข่งขันชิงถ้วยรางวัลเป็นครั้งแรกในทวีปซึ่งยังไม่มีชื่อเสียงในด้านการเล่นฟุตบอล 
กีฬาชนิดนี้ก็ได้เริ่มมีการเล่นมาก่อนร่วมร้อยปีแล้ว เช่น สมาคมฟุตบอลแห่งนิวเซาท์เวลส์ 
ได้ถูกตั้งขึ้นในออสเตรเลีย ปี พ.ศ. 2425 และสมาคมฟุตบอลของนิวซีแลนด์ได้ถูกตั้งขึ้นหลังจากนั้น ปี
ในแอฟริกา สมาคมระดับชาติแห่งแรกได้ถูกตั้งขึ้นในประเทศแอฟริกาใต้ 
แต่อียิปต์เป็นประเทศแรกที่มีการแข่งขันระดับชาติในปี พ.ศ. 2467 คือ ปี หลังจากที่ได้ก่อตั้งสมาคมขึ้น 
และอียิปต์สามารถเอาชนะฮังการีได้ 3-0 ในกีฬาโอลิมปิกที่ปารีส
การแข่งขันระดับชาติเป็นการแข่งขันระหว่างอังกฤษกับสกอตแลนด์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2415 และในปีแรกของศตวรรษที่ 20 โดยประเทศยุโรปอื่นๆ อย่างไรก็ตามในปี พ.ศ. 2447 กลุ่มประเทศต่างๆ ในแถบนี้ได้ประชุมกันที่ปารีสเพื่อตั้งสมาคมฟุตบอลนานาชาติขึ้น ในครั้งแรกก่อนการจัดตั้งสหพันธ์ 20 วัน สเปนและเดนมาร์กไม่เคยร่วมการแข่งขันระดับชาติมาก่อน และ 3ประเทศใน ประเทศ
ที่เข้าร่วมประชุมยังไม่มีสมาคมฟุตบอลในชาติของตน แต่ฟีฟ่าก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยมา 
โดยมีสมาชิก ชาติ ในปี พ.ศ. 2481 และ 73 ชาติ ในปี พ.ศ. 2493 และในปัจจุบันมีสมาชิกถึง146 ประเทศ 
ที่มีส่วนร่วมในกิจกรรมของฟีฟ่า ทำให้ฟีฟ่าเป็นองค์การกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในโลก
สมาพันธ์ประจำทวีปของสมาคมฟุตบอลแห่งแรกที่ตั้งขึ้นคือ Conmebol ซึ่งเป็นสมาพันธ์ของอเมริกาใต้ สมาพันธ์นี้ได้ถูกจัดขึ้นเพื่อจัดตั้งเพื่อจัดการแข่งขันชิงชนะเลิศภายในทวีปอเมริกาใต้ ในปี พ.ศ. 2460 
เกือบครึ่งศตวรรษ ต่อมาเมื่การแข่งขันภายในทวีปได้แพร่หลายมากขึ้น จึงได้มีการจัดตั้งสมาพันธ์ในทวีปอื่นๆ ขึ้นอีกคือสหภาพสมาคมฟุตบอลยุโรป 
ในปี พ.ศ. 2497 ซึ่งเป็นปีเดียวกับการจัดตั้งในทวีปเอเชีย และ ปี ก่อนการจัดตั้งสมาคมฟุตบอลยุโรป ในปี พ.ศ. 2497 ซึ่งเป็นปีเดียวกับการจัดตั้งสหพันธ์ฟุตบอลแห่งแอฟริกา (Concacaf)หรือสหพันธ์ฟุตบอลแห่งอเมริกากลาง อเมริกาเหนือ
และแคริบเบี้ยน ได้ถูกจัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2504 และน้องใหม่ในวงการฟุตบอลโลกคือ สมาพันธ์ฟุตบอล
แห่งโอเชียนเนีย (Oceannir)
แหล่งที่มา http://alongkorn0325.blogspot.com/

“บทความกีฬา” เบื้องต้นเกี่ยวกับ “กีฬาว่ายน้ำ”

sbobet 89 - Copy - Copy
บทความกีฬาเบื้องต้นเกี่ยวกับกีฬาว่ายน้ำ (Swimming)
กีฬาว่ายน้ำเป็นอีกหนึ่งชนิดกีฬาที่ถูกบรรจุไว้ในการแข่งขันกีฬาระดับโลกอย่างโอลิมปิก ซึ่งถือว่าเป็นกีฬาที่พัฒนามาจากพื้นฐานการดำรงชีวิตของมนุษย์เช่นเดียวกับกรีฑาประเภทลู่และลานที่มีพื้นฐานมาจากการเดินและการวิ่ง ส่วนการแข่งขันว่ายน้ำนั้นมาจากการเอาตัวรอดของมนุษย์ ในยุคเริ่มแรกของมนุษย์นั้นการว่ายน้ำก็เป็นเพื่อการข้ามไปยังอีกฝั่งของแม่น้ำลำคลองเพื่อไปสู่ดินแดนแห่งใหม่ แต่ต่อมาการว่ายน้ำของมนุษย์ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเอาตัวรอด แต่เป็นการดำรงชีวิตเช่นการหาปลาและกลายมาเป็นการว่ายน้ำเพื่อการสันทนาการ จนในที่สุดก็เป็นกีฬาที่มีความนิยมอย่างสูงนั่นเอง ซึ่งไม่ว่าใครว่ายน้ำเป็นก็เล่นกีฬาชนิดนี้ได้ทั้งนั้น แต่เมื่อมนุษย์นำพื้นฐานการดำรงชีวิตมาประยุกต์เป็นการแข่งขันจึงจำเป็นต้องมีกติกาการแข่งขันมาเป็นตัวกำหนด มาดูกันครับว่ากีฬาว่าน้ำมีกฎกติกาและประเภทของการแข่งขันอะไรกันบ้าง
การแข่งขันว่ายน้ำตัดสินกันด้วยความเร็วในการว่ายน้ำในสระที่มีความยาวมาตรฐาน 50 เมตร โดยแบ่งเป็นลู่ทั้งหมด 8 ลู่ ปล่อยตัวพร้อมกัน ผู้ที่ว่ายได้ครบระยะทางและแตะถึงขอบสระก่อนเป็นผู้ชนะ ในการแข่งขันสากลจะมีผู้ตัดสินและคณะกรรมการอยู่หลายตำแหน่ง แต่ละตำแหน่งก็จะทำหน้าที่ต่างกัน ผมจะอธิบายพอเข้าใจนะครับ
คนแรกเป็นผู้ตัดสินชี้ขาด SBO เป็นผู้ควบคุมการแข่งขันทั้งหมดและมีอำนาจสูงสุด ซึ่งจะมอบหมายหน้าที่และให้คำปรึกษากับกรรมการในตำแหน่งต่างๆ
ผู้รับรายงานตัว 2 คน จะคอยทำหน้าที่รับรายงานตัวจากผู้เข้าแข่งขันโดยการตรวจสอบเอกสารและให้ผู้เข้าแข่งขันเข้ามาลงชื่อก่อนที่การแข่งขันจะเริ่มขึ้น
ผู้ปล่อยตัวถือว่าเป็นผู้ดำเนินการแข่งขัน มีอยู่สองท่านอยู่ห่างจากสระ 5 เมตร จะปล่อยตัวได้เมื่อได้รับสัญญาณจากผู้ตัดสินชี้ขาดเท่านั้น โดยใช้เสียงออดเป็นสัญญาณในการปล่อยตัว
คณะกรรมการดูการฟาวล์ คอยจับการทำผิดกติกาทั้งการปล่อยตัว การกลับตัวและการเข้าเส้นชัย จะต้องบันทึกการทำผิดกฎและรายงานต่อผู้ตัดสินชี้ขาด กรรมการดูฟาวล์จะมีอยู่ 4 คนและกรรมการเชือกฟาวล์อีก 1 คน
คณะกรรมการกลับตัว จะมีหัวหน้ากรรมการดูการกลับตัว 2 คน อยู่กันคนละด้านของสระ มีหน้าที่ตรวจสอบการทำหน้าที่ของกรรมการกลับตัวที่จัดไว้ประจำลู่ทั้งหัวสระและท้ายสระในการแข่งขันประเภทที่มีระยะทางเกินกว่าความยาวสระ ซึ่งกรรมการกลับตัวนั้นจะมีหน้าที่ดูแลและเตือนนักว่ายน้ำในลู่ที่ตนประจำอยู่เมื่อนักว่ายน้ำเข้ามาในระยะ 5 เมตรก่อนถึงขอบสระ
คณะกรรมการเส้นชัย จะมีหัวหน้ากรรมการเส้นชัย 1 คน คอยรับรายงานการเข้าเส้นชัยจากกรรมการเส้นชัยในแต่ละตำแหน่งที่จัดไว้ แล้วรวบรวมจัดอันดับผู้ชนะรายงานผลให้ผู้ตัดสินชี้ขาดอีกต่อหนึ่ง รวมทั้งบันทึกผลการแข่งขันเมื่อการแข่งขันสิ้นสุดลงด้วย
หากสระว่ายน้ำที่ใช้แข่งขันไม่มีเครื่องจับเวลาอัตโนมัติ ก็จะต้องจัดคณะกรรมการจับเวลาขึ้นมาอีกหนึ่งชุด ประกอบด้วย หัวหน้าผู้จับเวลา 1 คน และผู้จับเวลาอีกลู่ละ 3 คน โดยเริ่มจับเวลาพร้อมกันเมื่อสัญญาณปล่อยตัวดังขึ้นและหยุดเวลาเมื่อนักว่ายน้ำในลู่ของตนสิ้นสุดการว่ายลง การจับเวลาจะใช้จุดทศนิยม 2 ตำแหน่ง
การจัดนักกีฬาเข้าลู่ ใช้วิธีให้นักกีฬาแจ้งเวลาในการว่ายที่ดีที่สุดของตนที่ทำได้ไม่เกิน 12 เดือนไว้ในใบสมัคร ถ้าไม่แจ้งให้อยู่ลำดับสุดท้าย และถ้าไม่แจ้งหลายคนให้จัดลำดับโดยการจับฉลากเรียงลำดับเฉพาะผู้ที่ไม่แจ้งเวลาแล้วนำมาต่อท้ายอีกที
กรณีที่มีผู้สมัครแข่งขันเกินกว่าจำนวนลู่ให้แบ่งเป็นชุด หากแบ่งได้ 2 ชุด ผู้ที่แจ้งเวลาดีที่สุดจะเป็นคนแรกของชุดที่ 2 ส่วนคนที่แจ้งเวลาดีลำดับที่ 2 จะเป็นคนแรกของชุดที่ 1 และคนที่แจ้งเวลาดีที่สุดลำดับ 3 จะเป็นคนที่ 2 ของชุดที่ 2 ส่วนคนที่มีเวลาเร็วเป็นลำดับที่ 4 จะเป็นคนที่ 2 ของชุดแรก สลับกันไปเรื่อย ๆ หากจัดผู้เข้าแข่งขันได้มากกว่า 2 ชุดก็ให้จัดลำดับเข้าลู่เช่นเดียวกัน ซึ่งผู้มีเวลาดีที่สุดของแต่ละชุดจะได้อยู่ในลู่กลางส่วนลำดับรองลงไปก็จะอยู่สลับลู่ซ้ายขวาไปเรื่อย ๆ
ผู้ที่แจ้งเวลาดีที่สุดจากจำนวนผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดจะได้ลงแข่งรอบคัดเลือกในชุดสุดท้ายซึ่งถือว่าได้เปรียบที่สุดเพราะจะรู้เวลาของคู่ต่อสู้ที่ทำได้ในการว่ายในชุดก่อนหน้าทั้งหมด
การแข่งขันจะมีอยู่ด้วยกันหลายประเภทและหลายระยะ ซึ่งไม่เหมือนกีฬาฟุตบอลเลย มีดังต่อไปนี้
1. ประเภทเดี่ยว
1.1 ท่าฟรีสไตล์ ระยะ 50, 100, 200, 400, 800 และ 1,500  เมตร
1.2 ท่ากรรเชียง ระยะ 100 และ 200 เมตร
1.3 ท่ากบ ระยะ 100 และ 200 เมตร
1.4 ท่าผีเสื้อ ระยะ 100 และ 200 เมตร
1.5 เดี่ยวผสม  200 และ 400 เมตร ว่ายคนเดียวแต่ใช้ทั้ง 4 ท่า เริ่มจาก  ผีเสื้อ, กรรเชียง, กบ, และแตะขอบสระเข้าเส้นชัยด้วยท่าฟรีสไตล์
2. ประเภททีม 4 คน
2.1 ผลัดฟรีสไตล์ 4 x 100 และ 4 x 200 เมตร ใช้นักว่ายน้ำทีมละ 4 คน ว่ายท่าฟรีสไตล์เพียงท่าเดียว
2.2 ผลัดผสม 4 x 100 เมตร ใช้นักว่ายน้ำทีมละ 4 คน ว่ายคนละท่า เริ่มจาก กรรเชียง, กบ, ผีเสื้อ และฟรีสไตล์ ตามลำดับ
การปล่อยตัวจากจุดเริ่มต้นจะแต่ต่างกันในแต่ละประเภทของการแข่งขัน เช่น ฟรีสไตล์ , กบ และผีเสื้อ จะต้องเริ่มปล่อยตัวบนแท่นเหนือขอบสระด้วยการกระโดดพุ่งตัวออกลงไปในน้ำ ส่วนท่ากรรเชียให้ปล่อยตัวจากในน้ำด้วยการถีบตัวหงายออกไปจากขอบสระ
ท่าว่ายน้ำที่ใช้ในการแข่งขัน จะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 4 ท่า
1. ท่าฟรีสไตล์ เป็นการว่ายด้วยท่าใดก็ได้ที่ทำเวลาได้ดีที่สุด เว้นการแข่งขันประเภทเดี่ยวผสม ท่าฟรีสไตล์จะใช้ท่ากรรเชียง , กบ หรือผีเสื้อไม่ได้ การกลับตัวจะใช้ส่วนใดของร่างกายแตะขอบสระก็ได้
2. ท่ากรรเชียง จะต้องปล่อยตัวในลักษณะนอนหงายในน้ำและอยู่ในท่านอนหงายลำตัวพ้นน้ำตลอดระยะทางจนถึงเส้นชัย ยกเว้นตอนกลับตัวให้จมอยู่ในน้ำได้ ไม่เกิน 15 เมตร
3. ท่ากบ ลำตัวจะต้องคว่ำตลอดเวลา แขน 2 ข้างจะต้องเคลื่อนไหวพร้อมกัน โดยมือจะต้องตวัดไปข้างหน้า การกลับตัวและเข้าเส้นชัยจะต้องใช้มือทั้งสองแตะขอบสระพร้อม ๆ กัน
4. ท่าผีเสื้อ จะต้องคว่ำหน้าตลอดระยะทางรวมทั้งการกลับตัวด้วย สามารถดึงแขนใต้น้ำได้เพียง 1 ครั้งต่อ 1 จังหวะเท่านั้น
กีฬาว่ายน้ำถือว่าเป็นกีฬาที่มีกฎกติกาที่ค่อนข้างละเอียดมาก ผู้ที่สนใจกีฬาชนิดนี้และอยากเป็นนักกีฬาว่ายน้ำควรที่จะต้องศึกษากฎกติกามารยาทให้ถี่ถ้วน เพราะการทำผิดกติกาเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้ถูกตัดสิทธิ์จากการแข่งขันได้ในทันทีเลยนะครับ
แหล่งที่มา http://ctheritagefoundation.org/